สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 5 เม.ย.ว่า กลุ่มตาลีบันในอัฟกานิสถาน เผยแพร่อัตชีวประวัติของ มุลเลาะห์ โอมาร์ ผู้นำสูงสุด "ผู้มีบุญบารมี" ของกลุ่ม ความเคลื่อนไหวน่าประหลาดใจ ที่ดูเหมือนจะมีเป้าหมายเพื่อต่อต้านอิทธิพลของกลุ่มไอเอส ที่กำลังรุกคืบครอบงำพลพรรคตาลีบันในสังกัด หลังมีรายงานว่า ในช่วงหลายเดือนล่าสุด สมาชิกตาลีบันในอัฟกานิสถาน แปรพักตร์เข้าร่วมกับกลุ่มไอเอสเป็นจำนวนมาก โดยสมาชิกที่หนีห่างบางคนกล่าวว่า รู้สึกไม่พอใจต่อผู้นำนักรบตาเดียว ที่ไม่เคยปรากฏตัวให้เห็น นับตั้งแต่กองกำลังพันธมิตรชาติตะวันตกนำโดยสหรัฐบุกอัฟกานิสถานเมื่อปี 2544 ชีวประวัติที่โพสต์ลงเว็บไซต์หลักของกลุ่ม หลังเที่ยงคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ตรงกับครบรอบ 19 ปีที่โอมาร์ขึ้นเป็นหัวหน้าใหญ่ตาลีบันอัฟกานิสถาน บรรยายถึงความเกี่ยวพันของเขา "อย่างไม่หยุดยั้ง" ในการทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกลบกระแสคาดเดาและข่าวลือ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของเขา "ถึงแม้จะถูกกองทัพติดตามไล่ล่าอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลงสำคัญ หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ประจำวันของเขา (โอมาร์) ในการทำกิจกรรมสงครามศักดิ์สิทธิ์" เนื้อหาตอนหนึ่งของชีวประวัติที่เผยแพร่ ระบุ "เขายังใส่ใจติดตามตรวจสอบ การสู้รบต่อต้านกลุ่มผู้บุกรุกชาวต่างชาตินอกศาสนาอยู่เสมอ" และว่า อาวุธประจำกายที่โอมาร์โปรดปรานที่สุด ในยามที่ออกสู่สนามรบคือ เครื่องยิงจรวด อาร์พีจี-7 มุลเลาะห์ โอมาร์ ไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน และแทบไม่เคยให้ใครถ่ายภาพ นับตั้งแต่การบุกของกองกำลังต่างชาตินำโดยสหรัฐในปี 2544 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ซึ่งตั้งรางวัลค่าหัว มุลเลาะห์ โอมาร์ 10 ล้านดอลลาร์ (323.8 ล้านบาท) บรรยายลักษณะเขาเพียงแค่ ผู้ชายรูปร่างสูง และมีเศษกระสุนฝังอยู่ในลูกนัยน์ตาข้างขวา ความเคลื่อนไหวที่น่าแปลกใจของกลุ่มตาลีบัน ในการเผยแพร่ชีวประวัติของโอมาร์ แบบค่อนข้างละเอียด บรรยายแม้กระทั่งชีวิตส่วนตัวและครอบตัว สร้างความประหลาดใจแก่บรรดานักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงเป็นอย่างยิ่ง นายอาหมัด ซาเยดี ผู้เชี่ยวชาญด้านตาลีบัน กล่าวว่า ตาลีบันเผยแพร่ประวัติของโอมาร์ ด้วยเหตุผลหลายประการทางด้านยุทธศาสตร์ ที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อเป็นการต่อต้านการแผ่ขยายอิทธิพลของดาเอช (ชื่อย่อของกลุ่มไอเอสในภาษาอารบิก) ในมวลหมู่สมาชิกของตน นอกจากนั้นยังต้องการแสดงให้เห็นว่าโอมาร์ยังมีชีวิตอยู่ และสบายดี และยังคงเป็นผู้นำสูงสุดของกลุ่มตาลีบันอัฟกานิสถาน เดือน ก.พ. ที่ผ่านมา อากาศยานไร้คนขับขนาดเล็กติดอาวุธ หรือ โดรน ของสหรัฐ โจมตีเป้าหมายในจังหวัดเฮลมานด์ ทางภาคใต้ของอัฟกานิสถาน สังหารผู้ก่อการร้ายหลายราย รวมถึง นายมุลเลาะห์ อับดุล ราอุฟ คาห์ดิม อดีตผุ้บัญชาการรบระดับสูงของตาลีบัน และอดีตนักโทษคุกกวนตานาโม โดยก่อนหน้านั้นมีรายงานว่า คาห์ดิมนำพลพรรคตาลีบันราว 300 คน แปรพักตร์เข้าร่วมกับกลุ่มไอเอส.
ที่มา: http://dailynews.co.th/
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น